ท่าวังตาลน่าอยู่ มุ่งเน้นธรรมาภิบาล บริการอย่างมีคุณภาพ *** อุบัติเหตุ - ฉุกเฉิน  091 009 9977 (งานการแพทย์ฉุกเฉิน) / 094 216 1515 ,053-141775 (งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) /ร้องเรียนทั่วไป 053-140981-2 ต่อ 100 / ผุ้ป่วยฉุกเฉิน - กู้ชีพ (นครพิงค์) 1669 / ตำรวจ - ฉุกเฉิน 191 / ดับเพลิง -กู้ภัย 199 ***

เทศบาลตำบลท่าวังตาล
เลขที่ 149/1 หมู่ 2 ตำบลท่าวังตาล
อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ 50140
วันเวลาทำการ : จันทร์ - ศุกร์ 08.30 - 16.30 น. 
โทรศัพท์ : 053 140 981 - 2
อีเมล์กลาง : Saraban-thawangtan@lgo.mail.go.th 

President

นายธรรมรัฐ  จารุสวัสดิ์

ปลัดเทศบาล รักษาราชการแทน
นายกเทศมนตรีตำบลท่าวังตาล

President

นายธรรมรัฐ จารุสวัสดิ์

ปลัดเทศบาล 
ตำบลท่าวังตาล

สายด่วนนายก 093-130-3409

ช่องทางการตอบแบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก (EIT) ประจำปี 2568

ช่องทางการตอบแบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน (IIT)

แบบประเมินความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานของเทศบาลตำบลท่าวังตาล

หน้าแรก » ข่าวกิจกรรม » : : ภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านศาสนาและประเพณี ความเชื่อ : :

: : ภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านศาสนาและประเพณี ความเชื่อ : :

: : ภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านศาสนาและประเพณี ความเชื่อ : :

ภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านศาสนาและประเพณี ความเชื่อ

 

    

ภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านศาสนา ประเพณี ความเชื่อ

 

นายธวัชชัย หินเดช หมู่ 9 บ้านบวกครกใต้ ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่

เบอร์โทร 097-9214510

การทำเครื่องพิธีสืบชะตา                              อ่านว่า “พิธีสืบจ๊ะต๋า”

 

พิธีสืบชะตา เป็นพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของชาวล้านนา ที่เชื่อกันว่าเป็นการต่ออายุหรือต่อชีวิตของบ้านเมืองหรือของคนให้ยืนยาว มีความสุข ความเจริญ ตลอดจนเป็นการขจัดภัยอันตรายต่างๆ       ที่จะบังเกิดขึ้นให้แคล้วคลาดปลอดภัย

แบ่งเป็น 3 ประเภทคือ

  1. สืบชะตาคน นิยมทำเมื่อขึ้นบ้านใหม่ ย้ายที่อยู่ใหม่ ได้รับยศหรือตำแหน่งสูงขึ้น วันเกิดที่ครบรอบ เช่น 24 ปี 36 ปี 48 ปี 60 ปี 72 ปี เป็นต้น หรือฟื้นจากป่วยหนัก หรือมีผู้ทักทายว่าชะตาไม่ดี จำเป็นต้องสะเดาะเคราะห์และสืบชะตา เป็นต้น
  2. สืบชะตาบ้าน นิยมทำเมื่อคนในหมู่บ้านประสบความเดือดร้อน หรือเจ็บไข้ได้ป่วยกันทั่วไปในหมู่บ้าน หรือตายติดต่อกันเกิน 3 คนขึ้นไป ถือเป็นเสนียดของหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านอาจพร้อมใจกันจัดในวันปากปี ปากเดือน หรือปากวัน คือวันที่หนึ่ง สอง หรือสามวันหลังวันเถลิงศก เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล บางท้องถิ่นมีการทำพิธีในวัดประจำหมู่บ้าน
  3. สืบชะตาเมือง จัดขึ้นเมื่อบ้านเมืองเกิดความเดือดร้อนจากอิทธิพลของดาวพระเคราะห์ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ เพราะทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวาย เพราะการจลาจลการศึก หรือเกิดโรคภัยแก่ประชาชน ในเมือง เจ้านายท้าวพระยาบ้านเมืองจึงจัดพิธีสืบชะตาเมือง เพื่อให้อายุของเมืองได้ดำเนินต่อเนื่องสืบไป

 

 

 

เครื่องพิธีสืบชะตา

พิธีสืบชะตานั้นมีอุปกรณ์ในการทำพิธีหลายอย่างด้วยกันคือ

  1. กระบอกน้ำ 108 หรือ บางครั้งเท่าอายุ 2. กระบอกทราย 108 หรือ เท่ากับอายุ
  2. บันไดชะตา 1 อัน 4. ลวดเงิน 4 เส้น
  3. ลวดทอง 4 เส้น 6. หมากพลูผูกติดเส้นด้ายในลวดเงินลวดทอง 108
  4. ไม้ค้ำ 1 อัน 8. ขัวไข่ (สะพานข้ามน้ำขนาดยาว 1 วา) 1 อัน
  5. ช่อ (ธงเล็ก) 108 10. ฝ้ายค่าคิง จุน้ำมัน (ด้ายยาวเท่ากับตัวผู้สืบชะตา) 1 สาย
  6. กล้วยมะพร้าว 1 ต้น 12. กล้วยดิบ 1 เครือ
  7. เสื่อ 1 ผืน 14. หมอน 1 ใบ
  8. หม้อใหม่ 2 ใบ (หม้อเงิน หม้อทอง) 16. มะพร้าว 1 คะแนง (ทะลาย)
  9. ธงค่าคิง (ธงยาวเท่าตัว) 1 ผืน 18. เทียนเล่มบาท 1 เล่ม
  10. ด้ายสายสิญจน์ล้อมรอบผู้สืบชะตา 1 กลุ่ม 20. บาตรน้ำมนต์ 1 ลูก

 

   

 

การทำเครื่องสะตวงขึ้นท้าวทั้งสี่ (ต้าวตังสี่)

ท้าวทั้ง ๔ คือ ท้าวจตุโลกบาล ผู้รักษาทิศทั้ง ๔ ตามตำนานทางศาสนา ท้าวจตุโลกบาล เป็นเทพ       ในกามาวจรภูมิเป็นสวรรค์ชั้นแรกใน ๖ ชั้น คือ จตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมานรดีปรนิมมิตวสวัตตี ตามแนวความเชื่อทางพระพุทธศาสนา สวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา ตั้งอยู่บนเขายุคันธร สูงจากพื้นผิวโลก ๔๖,๐๐๐ โยชน์สวรรค์ชั้นนี้นับเป็นสถานที่พิเศษกว่ามนุษยโลกในด้านความเป็นอยู่ และความสุข กามาวจรเทพชั้นนี้เรียกรวมกันว่า “จตุมหาราชิกเทวดา” ในสวรรค์ชั้นนี้แบ่งออกเป็น ๔ ส่วน ซึ่งมีมหาราชทั้ง ๔ องค์ครองอยู่แบ่งเป็นส่วนๆ ไป คือ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักข์ ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวเวสสุวรรณเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าท้าวกุเวร หรือในไตรภูมิพระร่วงเรียกท้าวไพศรพณ์ ในสวรรค์ชั้นนี้มีพระอินทร์เป็นราชาธิบดี คือเป็น ผู้ปกครองท้าวจตุมหาราชิกาด้วย

 

 

          การทำสะตวงนั้น นิยมเอากาบกล้วยมาหักพับ เสียบด้วยไม้ไผ่ ซึ่งจักตอกให้คงรูปเป็นสี่เหลี่ยมแล้ว    เอากระดาษรองเข้าในสะตวง เพื่อใช้เป็นที่วางเครื่องเซ่น การเตรียมเครื่องเซ่นไว้ ๖ ชุด ก็เพราะ คนโบราณต้องการสังเวยเทพ ๖ องค์ประกอบด้วย ๑. พระอินทร์ ซึ่งเป็นใหญ่กว่าท้าวจตุโลกบาล ๒. ท้าวธตรฐ รักษาทิศตะวันออก ๓. ท้าววิรุฬหก รักษาทิศใต้ ๔. ท้าววิรูปักข์ รักษาทิศตะวันตก ๕. ท้าวเวสสุวรรณ รักษาทิศเหนือ    ๖. นางธรณีเทวธิดา ผู้รักษาแผ่นดิน การสังเวยจึงต้องมีสะตวง ๖ อัน ของพระอินทร์ตั้งตรงกลาง อยู่สูงกว่า    สะตวงอื่นๆ ของนางเทพธิดาธรณีวางไว้ล่างใกล้กับแผ่นดิน ส่วนท้าวจตุโลกบาลตั้งตามทิศของท้าวจตุโลกบาลแต่ละองค์ เวลาทำการสังเวย หากจะมีงานในตอนเช้า นิยมสังเวยตอนเย็นก่อนวันหนึ่ง หากจะทำพิธีตอนกลางวัน        นิยมสังเวยในตอนเช้า ความมุ่งหมายก็คือต้องการให้เทพทั้ง ๖ มาทำการรักษางานพิธีผู้ที่เป็นเจ้าของงานจะทำการจุดเทียนจุดธูปบนสะตวงแล้ววางไว้

 

 

 

การทำเครื่องพิธีบวงสรวง

พิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คืออะไร?

          ตั้งแต่สมัยโบราณ ตามความเชื่อทางศาสนาพุทธแล้ว พิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือการแสดงความยอมรับนับถือต่อผู้ที่มีพระคุณยิ่งใหญ่ในชีวิต มีพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสงฆ์สาวก เทพไท้เทวา คุณบิดามารดา อาจารย์ทุกๆพระองค์ ทุกๆชาติ รวมทั้งพระภูมิเจ้าที่ ท่านท้าวจาตุรมหาราชทั้ง ๔ ท่านพระยายมราช เคารพท่านผู้เป็นใหญ่ใน ทั้ง ๓ โลก

          อย่างไรก็ตาม ความหมายของพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำสืบต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้นมีความแตกต่างกันออกไปตามจุดประสงค์ แต่หลัก ๆ แล้วเป็นการแสดงความนับถือ และบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าทาง หรือเทวดาอารักษ์ เพื่อให้การประกอบกิจการหรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ ลุล่วงไปได้ด้วยนี่นั่นเอง

ประเภทของพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มากกว่าการขอพร

          ตามจริงแล้ว พิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีการแบ่งแยกประเภทที่ตายตัวหรือเฉพาะทาง แต่กระนั้นหากแบ่งประเภทตามวัตถุประสงค์ในการประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยแบ่งได้เป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ดังต่อไปนี้

          เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นการบวงสรวง เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทวดาต่าง ๆ ที่นับถือให้ดลบันดาล เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ยกตัวอย่างเช่น พิธีบวงสรวงเปิดกิจการ พิธีบวงสรวงขึ้นบ้านใหม่ และพิธีบวงสรวงวันขึ้นปีใหม่ เป็นต้น 

          เพื่อการขอขมาโทษ ในกรณีที่เคยก้าวล่วงหรือทำผิดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะทำการบวงสรวงเพื่อขอขมาโทษ ไม่ว่าจะเป็นพิธีบวงสรวงขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้าน หรือในบางกรณีที่ต้องการลื้อถอนศาลก็จำเป็นต้องทำพิธีบวงสรวงขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นเดียวกัน

          เพื่อขอพรให้สำเร็จลุล่วง ถือได้ว่าจุดประสงค์นี้เป็นปัจจัยหลักเลยก็ว่าได้สำหรับพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอพรให้การกระทำหรือกิจกรรมใด ๆ ก็ตามประสบความสำเร็จ เช่น พิธีบวงสรวงก่อนออกเดินทางไกล พิธีบวงสรวงเปิดการแข่งขัน หรือพิธีบวงสรวงก่อนสอบ เป็นต้น

          เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล  พิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่ออุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลที่ตนเองเคยสร้างไว้ให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว หรือให้แก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่ เทวดา เช่น พิธีบวงสรวงวันสงกรานต์ พิธีบวงสรวงวันสารทเดือนสิบ หรือพิธีบวงสรวงวันลอยกระทง 

องค์ประกอบหลักที่ขาดไปไม่ได้สำหรับพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ไม่เพียงแต่ขั้นตอนและการดำเนินพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สำคัญ เพราะยังคงมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกที่สำคัญไม่แพ้กัน โดยแบ่งองค์ประกอบออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ สถานที่ เครื่องบูชา และพิธีกรรม ดังนั้นแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าองค์ประกอบแต่ละส่วนเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อให้การประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดำเนินการลุล่วงไปได้ด้วยดี 

สถานที่ การเลือกสถานที่สำหรับพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นจำเป็นต้องเน้นไปที่ด้านความสะอาดเป็นหลัก อีกทั้งยังควรเป็นสถานที่ที่มีความสงบ ร่มเย็น เหมาะสำหรับการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ 

 

 

          เครื่องบูชา เครื่องบวงสรวงหรือเครื่องบูชาที่ขาดไปไม่ได้สำหรับการถวายแด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์คือ ข้าวตอก ดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น รวมถึง 3 ส่วนที่สำคัญเช่นเดียวกัน ประกอบไปด้วย

  • บายศรี : ภาชนะรูปทรงสูงที่ผลิตขึ้นมาจากใบตองหรือใบลาน นิยมใช้สำหรับการเป็นภาชนะใส่เครื่องบวงสรวง
  • อาหารคาวหวาน : ส่วนใหญ่แล้วมักจะเลือกเป็นอาหารไทยพื้นบ้านและเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น หมู เป็ด ไก่ ปลา หรือขนมไทย และผลไม้มงคล 9 อย่าง ความหมายดี ใช้ไหว้เจ้าที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
  • เครื่องดื่ม : นิยมเลือกน้ำชา น้ำนม และน้ำเปล่าเป็นหลัก แต่กระนั้น ควรเป็นน้ำเปล่าหรือน้ำดื่มสะอาด

พิธีกรรม

  • การไหว้ครู : เป็นการไหว้และแสดงความเคารพต่อครูพราหมณ์หรือครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านพิธีกรรมบวงสรวง
  • การชุมนุมเทวดา : เป็นการเชิญชวนเหล่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพยดาทั้งหลายมาชุมนุม ณ สถานที่บวงสรวง
  • การบวงสรวง : เป็นการแสดงความเคารพนับถือและสักการะต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
  • การขอพร : เป็นการขอพรให้กิจกรรมประสบความสำเร็จและเกิดความเป็นสิริมงคล

          นอกจาก 3 องค์ประกอบหลักที่กล่าวไปข้างต้นนี้แล้ว ยังคงมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่เพิ่มเติมตามแต่ละพิธีบวงสรวงอยู่ ยกตัวอย่างเช่น การจุดประทัด การจุดโคมลอย หรือการปล่อยสัตว์ เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีรายละเอียดที่ค่อนข้างซับซ้อนยุ่งยาก จึงไม่ใช่ใครก็ได้ที่สามารถทำได้ เพราะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มาอย่างยาวนาน

ลิงค์ภายนอก